“ผมมีหน้าที่แก้ปัญหา เตรียมเสนอปัญหา เพราะไม่มีใครพูดถึง แม้แต่ผู้บริหารเขตที่เข้ามาก็ไม่เคยพูดถึงปัญหา มาแล้วก็ไป ปัญหาความเป็นความตายของคนหนองจอกไม่เคยพูดถึง” (คุณปรีชา เอี่ยมอิทธิพล)
“เราไปคุยที่รองผู้ว่ามาเปิด อยู่เต็มไปหมดเลย หายไปหมดเลยเหลือแต่ตัวหัวหายหมด ใช่ไหม ผมว่า ผอ.ไปไหน ไม่ได้ให้เกียรติพวกเราเลยหรือ ไม่ได้ให้เกียรติ พวกเรามานั่งไม่ได้อะไรเลยนะ มานั่งฟังจนกระทั่งเย็น เรื่องถึง ผอ.ว่าอย่างไร นี่คือราชการ ผมยังมาถามหาผู้ช่วยผู้ว่า รองผู้ว่าที่มางานเรื่องไข้หวัดนกที่ศูนย์ฝึก ผู้ช่วยงงเลย แสดงว่าไม่ได้มีวิญญาณ ไม่รู้มาเพราะอะไร พวกเราแห่กันมาเต็มห้องประชุม นี่คือราชการ เพราะว่าการพึ่งตนเอง พวกเราไม่รู้จะพึ่งกันอย่างไรอยู่แล้ว ถามข้าราชการว่าพึ่งตนเองหรือเปล่า พอเพียง หรือเปล่า ไม่พอหรอก” (คุณโนรี แพฝึกฝน)
นอกจากประเด็นด้านการเกษตรแล้ว ยังมีปัญหาเด็กและเยาวชนในเขตหนองจอกนั้น ก็เริ่มเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นมา และทำให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกหวาดกลัว และทำให้เกิดสภาพเมืองที่ไม่น่าอยู่ในเขตหนองจอก
“มีคืนหนึ่งกลับมาประมาณ 3 ทุ่มครึ่งเกือบเส้นหนองจอกนี้จะมีกลุ่มวัยรุ่นหนองจอกที่แข่งรถมอเตอร์ไซค์ ถ้าใครอยู่ด้านนี้จะรู้สึก ไม่เคยเห็นอยู่ลาดกระบังไม่เห็นเลย ขับรถมากับลูกชายอายุ 12 ขวบ ลูกชายตกใจ เราก็ไม่รู้ทำอย่างไรก็ขับไปเรื่อย ๆ เขาย้อนศรมาหาทางเรา เราก็ตกใจมาก เราเป็นผู้หญิงขับรถมา ก็ตกใจ ถึงได้บอกว่าประชาชนกลุ่มวัยรุ่นพวกนี้ถ้าอาจารย์หรือว่าพี่ ๆ น้อง ๆ คุณอา คุณลุงที่นี่เราจะทำอย่างไรกับกับกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นลูกหลานของเราถ้าเราปลูกฝังบุคคลากรที่นี่ทุกท่านเป็นแม่แบบที่ดีอยู่แล้ว แต่ทำไมเขาไม่มองแม่แบบอย่างพวกเรา ซึ่งเราไม่ได้ทำเรื่องที่ผิด ทำไมเขาไม่หันมาหามองเราบ้าง ทำไมเวลา 1-2 ทุ่ม เขาควรเข้าบ้านได้แล้ว แต่ทำไมเขาถึงมาจับกลุ่ม อันนั้น อาจจะเป็นลูกหลานเรา เราน่าจะมองเขา แต่เราไม่รู้จะแก้ไขเขาอย่างไร ซึ่งเราเป็นผู้หญิง จะเข้าไปหาเขาก็ไม่กล้ากลัวเขาจะทำร้ายเรา” (คุณจงกลณี)
“ตอนนี้ก็หนักใจเรื่องยาบ้า ยาเสพติด รู้สึกจะมีมากขึ้น เรื่องโจร ขโมยเล็กน้อย หมู่บ้านอื่นมีเรื่องมิเตอร์น้ำหายไหม พวกขโมยมิเตอร์น้ำหมู่บ้านนี้ประมาณ 20 หลังคาเรือนที่โดนพวกขโมยมิเตอร์น้ำไป หนักใจเรื่องนี้มาก” (คุณจันทร์เพ็ญ)
สำหรับทางออกในการแก้ไขปัญหานั้น ผู้เข้าร่วมสนทนาได้กล่าวไว้หลายท่าน
การพูดคุยในวงดังกล่าว ได้มีการกล่าวถึงทางออกทางการเกษตร โดยมีผู้ที่ทำการเกษตรแบบครบวงจร ตั้งแต่ผลิต จนถึงแปรรูปในระดับครัวเรือน และสร้างตลาดขึ้นมาเอง ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง
“ถ้าไปส่งขายให้พ่อค้าคนกลางคุณมีโอกาสเจ๊ง มีโอกาสกำไรบ้าง แต่มีโอกาสเจ๊งมากกว่า ไม่ว่าจะไก่เนื้อ ไก่ไข่ คุณต้องทำครบวงจร ต่อไปในอนาคตอันใกล้ผมทำคนเดียวทั้งหมด ตลาดผมก็ทำด้วย ขณะนี้ผมเปิดร้านค้าเพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายทำให้ครบวงจร ไม่ใช่ไปจำหน่ายเป็นของสดอย่างเดียว ขายของสดและทำอาหารขายด้วยเพื่อครบวงจร พอของค้างแล้วเอาไปทำอาหาร ครบวงจร” และ “ถ้าไม่มีตลาดคุณอย่าไปทำคุณอย่าไปหวังพึ่งคนกลาง เจ๊งทันที” (คุณปรีชา เอี่ยมอิทธิพล) |