ผมสังเกตพบว่าคนที่เข้ามาดูเข้ามาซื้อหนังสือของเรา ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บางส่วนเป็นนักศึกษาปริญญาโท เป็นนักกิจกรรมตามชมรมในมหาวิทยาลัย ที่เป็น NGO ก็เยอะ เราไม่ได้ขายแค่หนังสือ แต่เราได้คุยแลกเปลี่ยนความคิดไปจนถึงพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกับบรรดาเพื่อนร่วมวงการที่แวะเข้ามาคุยที่เต็นท์ มีอยู่คนหนึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาโทคณะวารสารศาสตร์ แวะมาซื้อหนังสือของเราไป 2 เล่ม แต่คุยกับผมนานเลย คุยไปคุยมาเธอก็ชักสงสัยว่าทำไมคนขายถึงคุยเรื่องยากๆ ได้ เธอก็เลยถามว่าผมเรียนจบอะไรมา พอผมตอบไป เธอก็อึ้งเล็กๆ เพราะร้านนี้คนขายไม่ธรรมดาน่ะ อีกคนเป็นนักกิจกรรมจากชมรมอนุรักษ์ฯ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มาซื้อหนังสือ DIALOGUE ของ DAVID BOHM ฉบับแปลโดย อ.โสฬส ศิริไสย์ ไปอ่าน เธอเล่าให้ฟังว่าที่ชมรมของเธอมีปัญหาอุปสรรคในการทำงานบางอย่าง ผมคิดว่าบางทีการได้อ่านหนังสือเล่มนี้ อาจจะทำให้การทำงานในชมรมอนุรักษ์ฯม.รามฯ ของเธอดีขึ้นก็ได้ อ้อ.. ผมลืมบอกไปว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มที่ขายดีมากกว่าเล่มอื่นๆ ในแผงของเรา
จดหมายข่าวประชาสังคม ฉบับเก่าๆ ที่เราเอาไปแจกฟรีก็มีคนสนใจหยิบไปอ่านกันเยอะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นฉบับเก่าตั้งแต่ พ.ศ.2542-2544 ก็เถอะ แต่บางเรื่องยังทันสมัยอยู่เลย อย่างเรื่องกองทุนชุมชน มีอยู่คนหนึ่งบอกเราด้วยว่า อยากสมัครเป็นสมาชิกจดหมายข่าว เรารู้สึกเสียดายมากที่ต้องบอกว่า เขาเลิกทำจดหมายข่าวฉบับนี้ไปแล้ว
ตลอดระยะเวลา 3 วัน หนังสือของเราขายได้ไม่มาก ยอดขายแต่ละวันไม่ถึง 2,000 บาท กำไรก็จิ๊บจ๊อย แต่ถ้าไม่ได้มองยอดขายแล้ว ก็จะพบว่าเกิดอะไรดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ตลอด 3 วันของการไปนั่งปักหลักขายหนังสือที่ลานปรีดี |