“ชาวสวนเมืองกรุงจะช่วยโลกร้อนได้อย่างไร”
ผลจากภาวะโลกร้อน ทำให้หลายคนหันมาสนใจปัญหานี้กันมากขึ้น
ไม่เว้นแม้กระทั่งชาวสวนกลางกรุงอย่างชาวสวนในคลองลัดมะยม ที่แขวงบางระมาด ตลิ่งชัน
ก็แสดงความห่วงใยในปัญหานี้เช่นกัน จึงร่วมมือกับบางกอกฟอรั่ม และภาคีพันธมิตร จัดเสวนาริมลำน้ำ
ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น โดยมีคนที่สนใจปัญหาเรื่องโลกร้อนมานั่งฟังกันอย่างหนาตา
การเสวนาเริ่มต้นด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ยงยุทธ จรรยารักษ์ แห่งภาควิชาพฤกษ์ศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ
เป็นผู้เปิดประเด็นเป็นท่านแรก ในฐานะตัวแทนนักวิชาการที่มีความสามารถในการเชื่อมโยงหลักวิชาให้เข้ากับธรรมชาติ
จนนำไปสู่การสร้างความเข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิตประจำวันของคนทุกกลุ่มทุกวัยว่า
“ในฐานะที่ผมคลุกคลีอยู่กับวิถีชุมชนมานาน จึงอยากให้คนไทยรู้ว่าบ้านเรานั้นเป็นแดนสวรรค์ ที่เราเคยท่องจำว่า
เมืองไทยใหญ่อุดม ดินดีสมเป็นนาสวน ไม่เคยมีภัยพิบัตินั้นเป็นความจริง คนไทยเราเจอภัยพิบัติครั้งแรก
ก็เมื่อพายุเข้าที่แหลมตะลุมพุก ”
“ถึงจะมีน้ำท่วมก็ไม่มีใครเป็นทุกข์ เพราะธรรมชาติของคนไทยเราเป็นชาวน้ำ เรามีเรือใช้ พอน้ำท่วม
หนุ่มสาวก็จะเอาเรือออกไปเก็บดอกโสน โดยใช้ข้ออ้างนี้เพื่อจะได้เจอกัน จนเมื่อเราสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นมา
เราจึงเปลี่ยนจากเรือนแพเป็นเรือนบก แต่ทุกวันนี้ที่คนกรุงเทพมีความทุกข์ ก็เพราะเราอยู่บนลุ่มเจ้าพระยา
ซึ่งตามธรรมชาติเมื่อถึงหน้าน้ำ น้ำจะท่วม แต่เรากลับบอกว่า จะไม่ให้น้ำท่วม อันเป็นการสร้างทุกข์ให้ตัวเอง ”
“โดยไม่เข้าใจว่าธรรมชาติของเราคือชาวน้ำ จะสังเกตได้ว่าคนไทยเรารู้จักพืชน้ำเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นข้าว หรือไผ่
เรียกว่าคนกรุงในอดีตมีภูมิปัญญาอยู่มาก แม้จะไม่ร่ำรวย แต่ก็อยู่กันอย่างเกื้อกูล มีแต่รอยยิ้ม แต่คนกรุงทุกวันนี้
กลับไม่รู้จักภูมิปัญญาเหล่านี้ ผมจึงอยากฝากว่า ถึงโลกจะร้อน น้ำจะท่วมโลก ก็ไม่ต้องกลัว เพราะเราเป็นชาวน้ำ
ตามวิถีไทยอยู่แล้ว”
|