บุคคลที่เข้าร่วมการสนทนาในครั้งนี้มีจำนวนรวมประมาณ 40 คน ประกอบไปด้วย แกนนำจากชมรมรักถิ่นเขตทวีวัฒนา
แกนนำเครือข่ายชุมชนเขตทวีวัฒนา อาจารย์และนักเรียนจากโรงเรียนทวีวัฒนา อาจารย์จากโรงเรียนคลองทวีวัฒนา
ผู้บริหารบริษัทร๊อคกี้ เทรดดิ้งกรุ๊ป จำกัดตลอดจนเจ้าของกิจการในท้องถิ่นอีกหลายท่าน แกนนำชุมชนต่างๆ ตัวแทน
แกนนำชุมชนจากเขตตลิ่งชัน และเขตจอมทอง เจ้าหน้าที่จากบางกอกฟอรั่ม โดยมี อ.โสฬส สิริไสย์
จากมหาวิทยาลัยมหิดล ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรกระบวนการ
“สุขภาวะของคนเขตทวีวัฒนาบอกไว้ว่า คือ การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน การไม่ดูแลกันมันก็เกิดปัญหาความเครียด
เกิดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เราไม่รู้ว่าคนที่อยู่ชุมชนเดียวกัน มีสุขทุกข์อย่างไร” อ.โสฬส สิริไสย์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ท้าวความถึง
ถ้อยคำที่เกิดขึ้นจากวงไดอะล็อคในครั้งก่อน ก่อนจะทบทวนกติกาในการพูดคุยอีกครั้ง “ เราลองมาเปิดใจ มาเรียนรู้คนอื่นดู
เราจะไม่มีระเบียบวาระ ไม่มีประธาน ผมเองก็จะเป็นเพียงผู้ดำเนินการ เราจะใช้วิธีการฟังมากกว่าการพูด และเราจะให้มากกว่ารับ
เราจะเปลี่ยนวิธีหมดเลย เราจะไม่พยายามเหนี่ยวนำโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อตามเรา ไม่มี HIDDEN AGENDA
เราจะพูดด้วยความห่วงใย เราจะให้เกียรติเสมอกัน ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งนั้น”
เย็นวันนั้น ผู้เข้าร่วมการสนทนาหลายท่านได้เสนอความคิดเห็นหลากหลายแตกต่างกันไปตามธรรมชาติของวงสนทนา
ในลักษณะนี้ บางท่านคุยเรื่องสภาพแวดล้อม เรื่องคลองทวีวัฒนา บางท่านคุยเรื่องเส้นทางการประกอบอาชีพ
บางท่านคุยเรื่องการทำงานในชมรมรักถิ่นเขตทวีวัฒนา เรื่องกิจกรรมอาสาสมัครในโรงเรียน
บางท่านคุยเรื่องสภาพสังคมในชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนทัศนคติในการทำงานเพื่อส่วนรวม
“พระราชดำรัสในหลวงที่ว่า ถ้าส่วนรวมอยู่ไม่ได้ ส่วนตัวก็อยู่ไม่ได้ ผมว่าเราต้องแบ่งเวลาให้กับส่วนรวม ไม่ใช่รอว่า
รอให้มีฐานะดีแล้วค่อยช่วยส่วนรวม ถึงเวลานั้นก็จะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว” คุณวิสิทธิ์ สุรชัยสิขวิทย์
แกนนำท่านหนึ่งจากชมรมรักถิ่นเขตทวีวัฒนา แสดงทัศนคติในการทำงานของตนเองออกมา “ท้องถิ่นให้อะไรกับเรา
เราต้องตอบแทนบุญคุณ คือว่าเรามีโอกาส มีชีวิตอยู่ ก็ควรจะทำความดีฝากไว้เป็นอนุสรณ์ ฝากความดีไว้กับแผ่นดิน
ไว้กับชุมชนของเรา”
|