บางกอกฟอรั่ม คือ องค์กรพัฒนาเอกชนอิสระ
ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมให้ประชาชนตื่นรู้
มีจิตสำนึกแห่งความเป็นพลเมืองที่
ร่วมรับผิดชอบต่อสาธารณะ เป็นธุระให้ส่วนรวม
บางกอกฟอรั่มทำหน้าที่เป็นผู้เอื้อเชิงกระบวนการ
(Facilitator) ชวนคิด ชวนคุย จัดกระบวนการเรียนรู้
และเสริมพลังให้ปัจเจกบุคคล กลุ่ม ชุมชน เครือข่าย
รู้และตระหนักถึงบทบาทและพลังในการขับเคลื่อน
สร้างสรรค์เมืองให้มีชีวิตชีวาของตนเอง

   

 

Happy Travel @ Phrae

แฮปปี้แทรเวลล์ : เที่ยวเติมสุข

  
มีคนกล่าวไว้ว่า การเดินทางท่องเที่ยว เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ปลายทาง แท้จริงแล้วคือการได้รู้จักตนเอง หรือพูดอีกอย่างว่า เดินทางภายนอกก็เพื่อเดินทางภายใน การได้เรียนรู้ผู้อื่น สิ่งอื่น จะมีความหมายก็เมื่อสะท้อนกลับมาที่ตัวของเรา ทำให้เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เมื่อนั้นความสุขก็หาได้ไม่ยาก...

หากการเที่ยวของเรา จะเป็นการเดินที่ช้าลง แต่ไวและเปิดใจกับสิ่งที่ได้สัมผัสมากขึ้น เราอาจจะได้เห็นอะไรมากขึ้นก็ได้  อย่าเพิ่งเชื่อ... จนกว่าจะได้สัมผัสด้วยตัวคุณเอง แล้วลองฟังเสียงหัวใจคุณดูซิว่า รู้สึกยังไง...  

 

ย่ำไปบนเส้นทางสายเก่า 

“เที่ยวเติมสุข” ขอนำเสนอการเดินทาง ที่เน้นความสุขของผู้มาเยือน และเจ้าบ้านผู้เป็นเจ้าของสถานที่นั้นๆ  อันเกิดขึ้นจากน้ำใสใจจริงและประโยชน์สุขที่จะเกิดขึ้นร่วมกัน  โดยริเริ่มเส้นทางท่องเที่ยว  “ผ่อบ้าน แอ่วเมืองแป้”  ขึ้น เป็นปฐม
ในยุคที่เร่งเร็ว นักท่องเที่ยวหลายคนกลับชมชอบการเตร็ดเตร่  เดินให้ช้าลง และเพลิดเพลินกับความงดงามของสถานที่ ทั้งบ้านเก่า วัด คุ้ม ถนนหนทาง  และวิถีผู้คนท้องถิ่น พร้อมการบอกเล่าเรื่องราวแต่หนหลัง หรือ “การผ่อบ้านเก่า” โดยผู้รู้หรือเจ้าของบ้านตัวจริง  และนี่...คือพื้นที่แห่งความสุขที่ต่างฝ่ายต่างซึมซับ เติมเต็มให้แก่กัน

การเข้าไปเยี่ยมเยือนบ้านไม้เก่าในหมู่บ้านเล็กๆ ของเมืองแป้  จึงมิใช่แค่การที่คนแปลกหน้าเข้าไปได้เห็นสิ่งแปลกตา  หากยังเหมือนการย่ำไปบนเส้นทางสายเก่า เป็นการย้อนรอยวิถีชีวิตที่เรียบง่าย งดงาม คุณค่าและฝีมือเชิงช่างในการสร้างบ้านแปงบ้านเมืองของคนรุ่นก่อน อีกทั้งเรื่องราวในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษหลายรุ่นได้สืบทอดต่อกันมา ซึ่งลูกหลานควรซึมซับรับคุณค่าสิ่งดีงามมาปรับใช้อย่างสมสมัย  ที่สำคัญคือ ยังเป็นการให้กำลังใจ และร่วมสนับสนุนผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านไม้เก่าเหล่านั้น ซึ่งถือได้ว่าผู้รักษามรดกทางวัฒนธรรมของบ้านเมือง

“เที่ยวเติมสุข”  เป็นธุรกิจเพื่อสังคม ที่บางกอกฟอรั่มดำเนินการ โดยร่วมมือกับชมรมอนุรักษ์สถาปัตยกรรมท้องถิ่นเมืองแพร่ และข่ายลูกหลานเมืองแพร่  ...นำเสนอการเดินทางท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ช่วยเติมเต็มความสุข และมีคุณค่ายิ่งกว่าเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวธรรมดาๆ  เพราะมีส่วนร่วมสนับสนุนการอนุรักษ์บ้านไม้เก่า โดยกำไรส่วนหนึ่ง จะนำมาสมทบเพื่อตั้งกองทุนอนุรักษ์และฟื้นฟูบ้านไม้เก่า เพื่อต่อลมหายใจให้บ้านเก่ายังคงอยู่คู่เมืองแป้ เป็นมรดกให้กับลูกหลานสืบไป

ความสุข.... ท่ามกลางวิถีชุมชนและวัฒนธรรมอันงดงาม ที่สัมผัสได้จริงวันนี้ 


บ้านไม้เก่า ....คุณค่า ความหมายในความทรงจำ

แป้ หรือแพร่ เป็นจังหวัดเล็กๆ ในดินแดนล้านนาตะวันออก  แต่เดิมมาบ้านเรือนส่วนใหญ่ปลูกสร้างด้วยไม้จนกลายเป็นอัตลักษณ์ของเมือง  แม้ว่าบางส่วนจะทรุดโทรมไปตามกาลเวลา  หากสิ่งที่ไม่ได้โรยราไปด้วยคือ  น้ำใจไมตรีของคุณตาคุณยายที่อยู่ในบ้านไม้เก่านั้น

บ้านไม้เก่าหลายหลัง รอเวลารื้อถอนเพื่อสร้างใหม่ ด้วยแบบที่ทันสมัย แต่ทว่าไม่เพียง  เสา ไม้กระดาน หรือตะปูเท่านั้นที่จะถูกถอนออกไป  หากยังเป็นการดึงเอาจิตวิญญาณของผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ในเรือนนั้นมาเนิ่นนาน  ให้ขาดวิ่นไปด้วย จากความหลัง ความทรงจำที่ติดตรึงอยู่ในบ้านที่ตนเป็นผู้สร้างมากับมือ ไม่ว่าจะเป็นเสากลางบ้านที่เคยเป็นเสาวัดความสูงของลูกหลาน  หน้าต่างห้องนอนที่เคยเอาหน้าแนบแอบดูคนข้างล่าง เป็นต้น ความทรงจำเหล่านี้ เป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นคุณค่าทางจิตใจที่มีความหมายต่อชีวิต และหาซื้อที่ไหนไม่ได้....

____________________________________________________________________________________________________________

เส้นทางกิจกรรม ๓ วัน ๒ คืน

วันที่ ๑

๐๕.๐๐ น.     ทีมงานพร้อมต้อนรับท่านและรับส่งท่านจากสถานีรถโดยสาร/สถานีรถไฟไปยังบ้านพักโฮมเสตย์ ที่บ้านป่าแดง ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่
๐๗.๓๐ น.   รับประทานอาหารเช้า และปฏิบัติภารกิจส่วนตัว
๐๙.๐๐ น. แนะนำโครงการและทำความรู้จักเพื่อนร่วมทาง
๐๙.๓๐ น.  เดินทางด้วยรถสองแถวท้องถิ่นไปยัง วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง คู่บ้านคู่เมืองแพร่ และเป็นวัดประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดปีขาล สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๑๘๗๙ ในสมัยพระมหาธรรมราชา (ลิไท)
๑๑.๐๐ น. ออกเดินทางไปยังบ้านนาคูหา อำเภอเมือง จังหวัดแพร่
๑๒.๐๐ น.   รับประทานอาหารกลางวันพื้นบ้าน ลิ้มรส “เตา” สาหร่ายน้ำจืดท้องถิ่นที่ได้รับสมยานามว่า “มรกตแห่งท้องน้ำ” ซึ่งได้รับการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่แล้วว่ามีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง และขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นเครื่องสำอาง และอื่นๆ อีกมากมาย
๑๔.๐๐ น. เยี่ยมชมธรรมชาติที่สวยงามของบ้านนาคูหา แหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำยม  และชมภูมิปัญญาการเพาะเลี้ยงเตา ซึ่งสามารถเพาะเลี้ยงได้ในน้ำที่สะอาดที่สุดเท่านั้น
๑๖.๐๐ น.     เดินทางกลับที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศรัย
๑๗.๓๐ น.  เดินทางไปรับประทานอาหารเย็นที่กาดสามวัยในตัวเมืองแพร่
๑๙.๐๐ น.  เดินทางกลับที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศรัย

พระธาตุช่อแฮบ้านนาคูหาบ้านนาคูหา

วันที่ ๒

๐๕.๓๐ น. เยี่ยมชมตลาดชุมชนยามเช้า และตักบาตรที่ตลาดบ้านพันเชิงป่าแดง (ตามอัธยาศรัย
๐๗.๓๐ น. รับประทานอาหารเช้า และปฏิบัติภารกิจส่วนตัว
๐๙.๓๐ น.

Walking Trip @ บ้านป่าแดงและบ้านพันเชิง  เยี่ยมชมและพบปะพูดคุยให้กำลังใจพ่อเฒ่าแม่แก่ เจ้าของบ้านไม้เก่าที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมท้องถิ่นและเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญฃของจังหวัดแพร่  ซึ่งปัจจุบันบ้านไม้เก่าจำนวนมากได้ถูกรื้อทิ้งและสร้างแทนที่ด้วยบ้านปูนตามสมัยนิยม ขณะที่บ้านเก่าอีกหลายหลังได้ถูกละทิ้งให้ทรุดโทรม ร้าง ไม่มีผู้อยู่อาศัย เพราะลูกหลานได้ย้ายออกไปอยู่ในหัวเมืองใหญ่เพื่อประกอบอาชีพและศึกษาต่อ บ้านไม้เก่าเหล่านี้จึงถูกปล่อยให้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ...การมาเยี่ยมเยียน ชื่นชมให้กำลังใจแก่ผู้ที่ยังอยู่อาศัยในบ้านไม้เก่าเหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดท่านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าของบ้านมีแรงใจที่จะเก็บรักษาบ้านที่มีเรื่องราวแห่งความภาคภูมิใจของบรรพชนไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดอีกทั้งยังเป็นการรักษาบ้านไว้เป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมท้องถิ่นคู่จังหวัดแพร่ต่อไป...

๑๒.๐๐ น. ออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารเจ เพื่อให้ท่านได้อิ่มท้อง อิ่มบุญ สุขใจ
๑๓.๐๐ น.

เยี่ยมชมคุ้มวงศ์บุรี คุ้มเจ้าดั้งเดิมที่ได้รับการดูแลและมีความสวยงามมากที่สุดในจังหวัดแพร่พร้อมรับฟังเรื่องราวที่น่าประทับใจละน่าประหลาดใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตทั้งวิถีของเจ้า ไพร่ และทาส

๑๕.๐๐ น.

ไหว้พระ ๓ วัด วัดพงษ์สุนันท์ ซึ่งมีพระประธานปางมารวิชัย อายุกว่า ๕๖๐ ปี วัดพระนอน ซึ่งสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมเชียงแสน และมีหน้าบรรณที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือัดหลวง ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นพร้อมๆ กับการสร้างเมืองแพร่เมื่อกว่า ๑,๐๐๐ ปีก่อน

๑๗.๐๐ น.

เข้าร่วมกิจกรรมแอ่วกาดกองเก่า กิจกรรมของภาคประชาชนที่ร่วมกันฟื้นย่านการค้าเก่าซึ่งถูกลืมเลือนให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการปิดถนนและสร้างพื้นที่สาธารณะให้พ่อค้าแม่ค้า พ่อเฒ่าแม่แก่ ลูกเล็กเด็กแดงมาใช้พื้นที่ร่วมกัน  ทั้งค้าขาย  ดูหนังกลางแปลงเดินเที่ยว มีการแสดงต่างๆทั้งดนตรีท้องถิ่น การละเล่นขี่ม้าก้านกล้วย ไปจนถึงฮูลาฮุบ และบีบอย ฯลฯ

๑๘.๓๐ น.

รับประทานอาหารเย็นที่คุ้มวงศ์บุรี พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศคุ้มเจ้าในยามค่ำคืน

๒๐.๐๐ น. เดินทางกลับที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศรัย

บ้านพันเชิงป่าแดงบ้านพันเชิงป่าแดงบ้านพันเชิง ป่าแดง

วันที่ ๓

๐๗.๐๐ น.

ออกเดินทางไปรับประทานอาหารที่ท่าน้ำเชตวัน พลางดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำยม และเยี่ยมชมบ้านป่าไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สามารถบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองในอดีตของธุรกิจสัมปทานป่าไม้ของจังหวัดแพร่ ที่ทำให้คนทั่วโลกต่างรู้จักเมืองแพร่ในฐานะเมืองที่มีไม้สักที่อุดมสมบูรณ์และมีคุณภาพดีที่สุดในโลก

๐๙.๓๐ น.

ผ่อบ้านแอ่วเมือง ปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตคนเมืองแพร่และเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของจังหวัดแพร่ อาทิ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมผสมยุโรปสมัยรัชกาลที่ ๕ และเป็นที่ประทับของของเจ้าพิริยเทพวงศ์อุดร เจ้าเมืองคนสุดท้ายผู้ครองเมืองแพร่ วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร ซึ่งเคยมีเจ้าผู้ครองนคร และอุปราช
เป็นมัคนายก เมฆ หรือ กำแพงเมืองรูปหอยสังข์ ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดในประเทศไทย และได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นที่มาของคำในประโยคที่ว่า “โยกเยก
เอย น้ำท่วมเมฆ...” บ้านเจ้าหนานไชยวงศ์ ซึ่งสร้างขึ้นในยุคเดียวกับคุ้มวงศ์บุรี ภายในมีลายพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ซึ่งทรงพระราชทานนามสกุลมหายศปันยา เป็นต้น

๑๒.๐๐ น.

เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่ศาลาแก้ววรรณา

๑๓.๐๐ น.

เรียนรู้การย้อมห้อมและครามแก้ววรรณา ซึ่งใช้วิธีธรรมชาติ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นแบบอย่างที่ดีในการอนุรักษ์วิธีการย้อมห้อมด้วยวิธีธรรมชาติ เพราะปัจจุบันผู้ผลิตผลิตภัณฑ์หม้อห้อมจำนวนมากได้เปลี่ยนมาใช้วิธีการที่ใช้เคมีภัณฑ์เป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการผลิตเชิงอุตสาหกรรมที่เน้นปริมาณและต้นห้อมที่ใช้ในการย้อมหายากขึ้น เนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

๑๖.๐๐ น.

Reflection and Inquiry วงสนทนาแลกเปลี่ยนสิ่งที่ท่านได้รับจากโครงการ และสิ่งที่ท่านได้ให้แก่พื้นที่ ต่างคนต่างมุมมอง ต่างความคิด การเก็บเกี่ยวสิ่งที่เห็น บทเรียนที่ได้รับย่อมแตกต่างกัน การสนทนาแลกเปลี่ยนจึงเป็นวิธีการที่สำคัญที่ช่วยให้ทุกท่านได้เรียนรู้โลกใบเดียวกันในมุมมองที่กว้างขึ้น และการเรียนรู้นี้เองจะเป็นการยกระดับสิ่งที่เห็นเป็นความรู้ และยกระดับความรู้เป็นปัญญา

๑๗.๐๐ น.

เดินทางกลับที่พัก และเตรียมตัวเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยโครงการจัดรถรับส่งท่านไปยังสถานีขนส่ง/สถานีรถไฟตามเที่ยวเวลาที่ท่านจองไว้

ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรม ๔,๕๐๐ บาท/ท่าน รับสมัครจำนวน ๘ ท่านเท่านั้น

รอบกิจกรรมครั้งต่อไป ๑๑ - ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

สนใจติดต่อ ๐๒-๖๒๒-๒๓๑๖, ๐๘๗-๖๘๓-๐๘๘๐, [email protected]

Download เอกสารเพิ่มเติม